วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิธีการสร้างพีระมิด

บันทึกนี้นำเสนอแนวคิด/ทฤษฎีในการสร้างพีระมิดแบบต่างๆ ที่เคยมีการเสนอกันมา
โดยไม่ได้กล่าวถึงทฤษฎีการหล่อปูนเพื่อผลิตหินแต่ละก้อน
ผู้สนใจทฤษฎีการหล่อปูน อาจเริ่มจากบทความเหา หมา กอริลล่อย(1)
เขียนโดย คุณแทนไท ประเสริฐกุลในโอเพ่นออนไลน์


 
มีใครเคยสงสัยไหมครับว่า คนอียิปต์โบราณนั้นท่านสร้างพีระมิดขึ้นมาได้ยังไง?
เรื่องนี้คนที่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง และเคยมาทิ้งเชื้ออารยธรรมให้กับโลกในแนว“พระเจ้าจากอวกาศ” ก็อาจจะอธิบายง่ายๆ ว่า มนุษย์ต่างดาวนี่แหละที่ยกหินขึ้นไปเรียงทีละก้อนๆ ด้วยพลังมหัศจรรย์!

การ์ตูนล้อแนวคิดที่ว่ามนุษย์ต่างดาวสร้างพีระมิดโดยใช้พลังวิเศษยกหินไปจัดเรียงทีละก้อน
แต่อย่าได้ประมาทมันสมองและฝีมือคนอียิปต์โบราณไปเชียวเพราะคนอียิปต์นี่แหละที่มีความรู้ในศาสตร์แขนงต่างๆ อย่างน่าทึ่ง เช่น การทำมัมมี่ และการประดิษฐ์ภาษาเฮียโรกลีฟิกส์ซึ่งมีอิทธิพลต่อภาษาต่างๆ อีกจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ภาษาอังกฤษดังที่เคยเล่าให้ฟังไปแล้วในเรื่องถอดรหัส อักษรภาพไอยคุปต์

หินแต่ละก้อนที่ใช้สร้างพีระมิดหนักหลายตัน
เนื่องจากก้อนหินแต่ละก้อนที่ใช้สร้างพีระมิดหนักเป็นตันๆ อย่างก้อนหินที่ใช้สร้างมหาพีระมิดของฟาโรห์คูฟูนั้นเป็นหินปูน ก้อนเล็กที่สุดก็ปาเข้าไปตั้ง 2 ตัน ส่วนก้อนใหญ่ที่สุดหนักราวๆ 13 ตัน
ดังนั้นหากเชื่อว่าคนอียิปต์สร้างเอง ก็ต้องอธิบายให้ได้ว่าก้อนหินแต่ละก้อนนั้นเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งต่างๆ ได้ยังไง
การใช้ทางลาดแบบตรงๆ
มีผู้เสนอว่า น่าจะมีการใช้ทางลาดเพื่อลำเลียงก้อนหินเข้าทางด้านข้างของพีระมิด โดยแต่ละด้านก็ใช้ทางลาดแยกกันไป ทั้งนี้เมื่อพีระมิดสูงขึ้น ก็ต้องสร้างทางลาดให้ยาวขึ้นและมีฐานกว้างมากขึ้น ไม่งั้นก็จะกลายเป็นทางชันไปซะนี่!
การใช้ทางลาดแบบบันไดเวียนรอบ
อีกคนก็บอกว่า งั้นก็ปรับปรุงทางลาดซะใหม่ ทำเป็นทางเวียนไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ(คล้ายๆ กับบันไดขึ้นภูเขาทองที่วัดสระเกศ)ทางลาดบันไดเวียนแบบนี้มีคนชอบใจเยอะเหมือนกัน โดยบางคนเสนอว่าให้ราดน้ำลงไปที่พื้นจะได้ลื่นๆ เข็นก้อนหินง่ายขึ้น
ส่วนบางคนก็เสนอเครื่องมือซับซ้อน ดังเช่นตัวอย่างต่อไปนี้
ทฤษฎีการลากหินขึ้นทางลาดโดยไม่ใช้ล้อ
ทฤษฎีการเคลื่อนก้อนหินไปทีละกระดึ๊บ
สำหรับแนวคิดที่ว่า คนอียิปต์อาจใช้ปั้นจั่น (คล้ายๆ กับปั้นจั่นที่ใช้ในการสร้างตึกสูง) เพื่อยกก้อนหินขึ้น โดยอีกฝั่งหนึ่งถ่วงด้วยก้อนหินหนักๆ นั้นไม่มีใครเชื่อ เนื่องจากอียิปต์โบราณไม่น่าจะมีไม้ที่แข็งแรงพอที่สามารถรับน้ำหนักของหินแต่ละก้อนได้
หินแต่ละก้อนที่อยู่ด้านล่างของพีระมิดย่อมโดนแรงกดทับมหาศาล แต่ภายในโครงสร้างยังต้องมีทางเดิน มีห้องหับเก็บรักษาสิ่งของต่างๆ อีกด้วย เรื่องนี้วิศวกรโบราณที่ชาญฉลาดได้ออกแบบให้ภายในพีระมิดมีผนังรับน้ำหนัก โดยผนังที่ว่านี้มีความสูงลดหลั่นกันลงไปจากศูนย์กลางไปถึงด้านนอก
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือแกนกลางของพีระมิดที่ดูประหนึ่งมีผิวนอกค่อนข้างเรียบนั้น แท้จริงแล้วเป็นพีระมิดแบบขั้นบันไดทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักอยู่นั่นเอง
ไส้ในของพีระมิดเป็นพีระมิดแบบขั้นบันได
อีกเรื่องหนึ่งที่มีคนเชื่อกันมากก็คือ อียิปต์ใช้แรงงานทาสในการสร้างพีระมิด อย่างในหนังบางเรื่องจะเห็นผู้คุมลงแส้กับทาสที่ทำงานช้า


คนงานกำลังสร้างพีระมิด
อย่างไรก็ดีเรื่องการใช้แรงงานทาสนี่ผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันบอกว่าไม่น่าจะใช่แต่ที่เป็นไปได้มากกว่าก็คือ แรงงานนับหมื่นนับแสน ที่สร้างพีระมิดนี้อาจจะเป็นพวกชาวไร่ชาวนาที่ถูกว่าจ้างมา เพราะในฤดูร้อนน้ำจะท่วมไร่นา ทำให้ไม่มีงานทำ มารับจ้างขนหินสร้างพีระมิดเอาตังค์ดีกว่าอยู่เปล่าๆ ว่างั้นเหอะ! ;-)
มีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ คนอียิปต์อาจรอใช้ช่วงน้ำท่วมให้เป็นประโยชน์ในการขนย้ายก้อนหิน ลองดูภาพเคลื่อนไหวต่อไปนี้สิครับ
ภาพแสดงการใช้ช่วงน้ำหลากให้เป็นประโยชน์ ตามแนวคิดของ Andrzej Bochnacki

ได้ฟังทฤษฎีของคนอื่นไปกันพอสมควรแล้ว....

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

วิธีลดพุง 7 ข้อ

เรามาดูวิธีลดพุง ลดไขมัน เพื่อหน้าท้องที่แบนราบ และสุขภาพที่ดีตามมา ทั้ง 7 ข้อกันเลย
1. อย่าอดอาหารแต่ควรทานน้อยลง เคล็ดลับที่จะช่วยให้ทานอาหารได้น้อยลง คือเปลี่ยนจานให้มีขนาดเล็กลง และขณะรับประทานอาหาร ควรเคี้ยวช้าๆ ค่ะ
2. หลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวและไขมัน ได้แก่ ข้าวขาว พิซซ่า ขนมปังขาว ขนมหวานต่างๆ
ไอศครีม ของผัด ของทอด ขนมสำเร็จรูปและเบเกอรี่ เค้ก คุ้กกี้ มันฝรั่งทอด เป็นต้น

3. หันมากินผักผลไม้ที่ไม่หวาน และธัญพืชให้มากขึ้น เพราะผักผลไม้และธัญพืชจะมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ และยังมีกากใยสูง ร่างกายต้องค่อยๆดูดซึม จึงช่วยให้ไม่หิวง่าย และยังให้พลังงานต่ำอีกด้วย

4. เน้นการจัดสัดส่วนของจานในแต่ละมื้อ ด้วยสูตรง่ายๆ คือ ผัก ½ ของจาน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ¼ ของจาน ซึ่งได้แก่ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต หรือเส้นพาสต้าแบบโฮลวีต และโปรตีนอีก ¼ ของจาน
5. ดื่มน้ำสะอาดมากๆ หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม น้ำหวาน กาแฟ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะมักจะมีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนผสม อาจจะทำให้อ้วนได้ ถ้าดื่มบ่อยๆ ค่ะ
6. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทั้งแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน และแบบมีแรงต้าน เช่น ยกน้ำหนัก ซิตอัพ วิดพื้น วันละ 20 - 30 นาที
7. เรียนรู้เรื่องแคลอรี่ การจะรับประทานแค่ไหนจึงจะพอดี ขึ้นอยู่กับความจำเป็นต้องใช้แคลอรี่ของแต่ละคน เช่น ผู้หญิงตัวเล็กๆ ถึงรูปร่างปานกลาง จะใช้พลังงานวันละ 1,200 - 1,600 แคลอรี่ แต่ถ้าต้องการ
ลดน้ำหนัก ก็ควรรับประทานให้น้อยกว่านี้ เช่น รับประทานวันละ 1,000 แคลอรี่ เป็นต้น


Credit : beautifullife

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

AMD FX 8150 - 8120 - 6100 and 4100 performance review

AMD FX 8150 - 8120 - 6100 and 4100 performance review
Yesterday AMD released the FX series Zambezi - Bulldozer based processor. Everybody has been focusing on that most high-end AMD FX 8150 processor. However there where three other processors released.
This article is nothing more then a performance overview of all four processors released yesterday. So this article is basically a big performance chart, for the architecture specifications and conclusions we urge you to read our AMD FX 8150 review. This article is a performance overview.
The processors added into the chart are the eight core AMD FX 8120, the six-core AMD FX 6100 and the four core AMD FX 4100.
These processors are all based on the same Bulldozer architecture yet have a different numbers of cores with accompanying cache's, let's recap the four processors that have been launched first:
So the top of the range part, FX-8150, is clocked at 3.6 GHz, with a TDP of 125W. Next in line is the FX-8120, clocked at 3.1 GHz.

 
The sole 6-core CPU will be FX-6100 at 3.3 GHz while the 4-core CPU will be FX-4100 clocked at 3.6 GHz, interestign as for less threaded applications that 4100 would be faster..
Both feature a 95W TDP, and will compete up against the Core i5 series. All CPUs feature 8MB L3 cache. This suggests that FX-6100 and FX-4100 are simply Zambezi processors with 1 module or 2 modules disabled, respectively.
Anyway, let's have a peek shall we ?