วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

92 วิธีใช้รถยนต์ ที่คุณไม่ควรมองห้าม

1. เติมน้ำมันล้นถังไม่เป็นผลดี 
     ในสภาพอากาศร้อนจัดอย่าเติมน้ำมันจนล้นถัง เพราะความร้อนจะทำให้เพิ่มความดัน มีผลทำให้น้ำมันขยายตัวลื่นไหลออกจากถังเกิดอันตราย สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ 
2. ลากเกียร์ทำให้คลัตช์เสียเร็ว 
     การใช้เกียร์ควรทำให้เหมาะสมและถูกจังหวะ อย่าลากเกียร์บ่อย จะทำให้คลัทช์เสียเร็วและยางหมดอายุเร็วขึ้น 
3. อย่าขับรถจนน้ำมันหมดถัง 
    การขับรถจนน้ำหมดถัง จะทำให้เครื่องกรองน้ำมันมีโอกาสเสียได้มาก เนื่องจากตะกอนบางอย่างที่สะสมอยู่ในถังจะไปค้างที่เครื่องกรอง 
4. อย่าใช้อิฐแทนแม่แรงรถ 
    อิฐสร้างบ้านก้อนที่แข็งที่สุดยังสามารถแตกได้ อย่าใช้รองหรือหนุนรถแทนแม่แรงต่างหาก เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ 
5. ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดกระจก 
    แอลกอฮอล์มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อโรคและยังใช้ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่เป็นแก้วหรือกระจกได้ กระจกรถของคุณที่มีคราบสกปรก จะถูกขจัดได้อย่างง่ายดายด้วยแอลกอฮอล์ 
6. สำรวจกระจกอย่าให้มีรอยร้าว 
    รอยร้าวที่กระจกเพียงเล็กน้อย จะทำให้ขยายวงกว้างไปสู่การแตกใหญ่ได้ต้องหมั่นสำรวจอยู่เสมอ การเปิดแอร์เย็นจัดในขณะอากาศภายนอกร้อนจะทำให้กระจกหดตัวอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุให้เกิดการแตกของกระจกได้ 
7. เครื่องเป่าผมก็มีประโยชน์ 
    รถที่สตาร์ทไม่ติดอันเนื่องมาจากปัญหาความชื้นลองใช้เครื่องเป่าผมเป่าความร้อนบริเวณเครื่องยนต์ที่คิดว่ามีความชื้นจนกว่าจะแห้ง แล้วลองสตาร์ทใหม่ดูอีกครั้ง 
8. การควบคุมอารมณ์ 
    การขับรถจำเป็นที่จะต้องควบคุมอารมณ์ด้วยความอดทนยิ่งในสภาพรถติดแสนสาหัส แบบบ้านเรายิ่งต้องมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยไม่สวมวิญญาณร้ายขณะขับรถ ไม่ใช้วาจาหยาบคาย และอย่าพยายามสั่งสอนบทเรียนต่อผู้อื่น 
9. โกรธและหงุดหงิดอย่าขับรถเด็ดขาด 
    อารมณ์โกรธและหงุดหงิด มีผลเสียอย่างยิ่งต่อการใช้รถใช้ถนน ความกดดันทางอารมณ์จะทำให้มีผลต่อเนื่องไปยังผู้ขับขี่รถคนอื่น และนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงได้ 
10. อย่าตอบโต้กับผู้ขับขี่รายอื่น 
    หากคุณอารมณ์เสียเนื่องจากผู้ขับขี่รถคันอื่น ต้องพยายามเก็บกดอารมณ์ไม่ตอบโต้ การตอบโต้จะทำให้เกิดผลร้ายต่อเนื่อง อย่างน้อยจะทำให้เราขาดสมาธิขาดการสังเกต สุดท้ายก็ลงเอยด้วยอุบัติเหตุ เป็นไปได้น่าจะจอดรถสงบสติอารมณ์สักครู่ 
11. หลีกเลี่ยงการเดินทางในสภาพอากาศเลวร้าย 
    เรามั่นใจแค่ไหนในการขับขี่รถในสภาพอากาศที่เลวร้าย เช่น ฝนตกหนัก หมอกลงจัด ทางที่ดีควรจะงดการขับรถ หันไปใช้บริการของรถสาธารณะจะดีกว่า ทั้งนี้ต้องติดตามการพยากรณ์ของอุตุนิยมวิทยา 
12. การปรับพวงมาลัย 
    รถรุ่นใหม่สามารถปรับแกนพวงมาลัยให้เข้ากับสภาวะร่างกายของผู้ขับขี่ได้ อย่าปรับให้พวงมาลัยอยู่ในตำแหน่งที่มองแผงหน้าปัดยาก ล็อคแกนพวงมาลัยให้มั่นคงหลังจากปรับตำแหน่งจนได้ที่แล้ว ห้ามปรับพวงมาลัยในขณะรถเคลื่อนที่เด็ดขาด 
13. เกียร์สูงสุด 
    เป็นเกียร์ที่ใช้กับอัตราเร็วสูง แต่ให้กำลังน้อยที่สุดเราจะใช้เกียร์สูงสุดกับอัตราเร็วของรถยนต์ที่แตกต่างกันได้มา คุณสามารถใช้แล่นด้วยความเร็วคงที่บนถนนทางตรง 
14. อย่าให้ไฟดวงหนึ่งดวงใดขาด 
    การใช้สัญญาณไฟจะทำให้รถคันอื่นที่ตามหลัง หรือสวนทางเข้าใจในเจตนาของเรา แต่หากไฟสัญญาณดวงหนึ่งดวงใดขาดไป จะทำให้เป็นอันตรายแก่การใช้รถใช้ถนน ควรตรวจสอบและหาฟิวส์ หรือไฟอะไหล่ไว้ในรถบ้าง 
15. ไฟเตือนภัยมีความสำคัญ 
    อย่าขับรถยนต์ออกไปเด็ดขาด กรณีที่มีการเตือนของไฟบนแผงหน้าปัดขึ้น เช่น ไฟเตือนความดันน้ำมันหล่อลื่น เพราะจะทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ 
16. กระพริบไฟหน้าแทนแตร 
    การใช้ไฟสูง-ต่ำของไฟหน้า ทำให้เกิดการกระพริบสามารถเตือนผู้ขับขี่รายอื่นด้วย ที่คาดว่าจะไม่ได้ยินเสีสยแตรจากรถของเรา 
17. อย่าปล่อยเกียร์ว่างให้รถเคลื่อนลงทางลาดเองไม่ถูกต้อง 
    การปล่อยให้รถไหลไปเองโดยไม่ใช้การขับเคลื่อนจะทำให้ควบคุมรถยนต์ยาก โดยเฉพาะพวงมาลัยและเบรคเกียร์จะเข้ายากขึ้นอีกด้วย 
18. ลดเกียร์ไม่จำเป็นต้องไล่ตามลำดับ 
    การลดลงเกียร์ต่ำไม่จำเป็นต้องไล่ตามลำดับ เช่น จากเกียร์ห้ามาเกียร์สาม จากเกียร์สามมาเกียร์หนึ่ง เช่นนี้ จะทำให้เรามีเวลามองถนน และจับพวงมาลัยได้นานขึ้น 
19. ใกล้ทางแยกอย่าเปลี่ยนเลนกะทันหัน 
    ต้องตัดสินใจให้ดีว่าคุณกำลังจะไปทางไหน ซ้าย-ขวา หรือตรง อย่าตัดเลนซ้ายมาขวา หรือขวามาซ้าย บริเวณใกล้ทางแยกจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือไม่ก็ถูกตำรวจจับแน่นอน 
20. จะไม่มีการชนท้ายรถคนอื่นเด็ดขาด 
    ไม่ขับชิดคันหน้าเกินไปหรือกะระยะการทำงานของเบรคได้ถูกต้อง 
21. สิ่งกีดขวางกลางถนน 
    บังเอิญสิ่งกีดขวางอยู่ในช่องจราจรของเรา ตามหลักเราต้องให้รถยนต์วิ่งสวนทางมาผ่านไปก่อน กรณีสิ่งกีดขวางอยู่ฝังตรงข้ามอย่าผลีผลามเหยียบคันเร่งเลยไป เพราะรถคันสวนทางเราอาจไมยอมหยุดรถและหลบสิ่งกีดขวางออกมาในเลนของเราหน้าตาเฉย 
22. สิ่งกีดขวางอยู่บนเนิน 
    นับว่าเป็นเรื่องท้าทายให้ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ การใช้เบรคจำเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมาจัดการแก้ปัญหานี้ 
23. แซงรถที่กำลังวิ่ง 
    ต้องเข้าใจว่ารถคันหน้าที่กำลังวิ่งด้วยความเร็วหนึ่งหากเราคิดจะแซง แน่นอนว่าความเร็วของรถเราต้องมากกว่า เมื่อหักลบกับความเร็วคันหน้าก็จะได้ระยะทางที่ต้องใช้ในการแซง นั่นก็คือ แซงรถกำลังวิ่งครั้งหนึ่งต้องใช้เวลามากกว่าปกติ ทางที่ดีไม่แน่ใจอย่าแซงจะดีกว่า 
24. แซงระทางชัน 
    หากเป็นรถที่บรรทุกของหนักและวิ่งช้ากว่าเรา การแซงจะใช้เวลาสั้นลงอย่างมาก แต่พึงระวังรถสวนเลนตรงข้าม ซึ่งจะวิ่งลงทางลาดด้วยความเร็วสูง 
25. อย่าเร่งรถหากกำลังถูกแซง 
    จะเป็นการผิดมารยาทอย่างยิ่ง หากรถของคุณที่กำลังถูกแซงเร่งเครื่องหนีด้วยความเร็วเพิ่มขึ้น เมื่อเห็นว่ารถคันขวาของคุณกำลังจะถูกแซง ต้องชะลอความเร็วรถของคุณ เพื่อให้รถของเขาแซงขึ้นไปได้อย่างรวดเร็ว 
26. ขับรถขึ้นเขา 
    กรณีขับรถขึ้นเขาหรือเนิน แน่นอนว่ารถของคุณต้องใช้กำลังเพิ่มมากขึ้น การขับต้องเปลี่ยนมาใช้เกียร์ต่ำกว่าเดิมเพื่อรักษาความเร็วของรถ การเปลี่ยนเกียร์ต้องเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เพราะขณะที่เรายกเท้าออกจากคันเร่งแล้วเหยียบคลัตช์เปลี่ยนเกียร์ 
27. ขับรถลงทางลาด 
    ขึ้นเนินใช้เกียร์ต่ำเพื่อรักษาความเร็วของรถ ลงทางลาดก็ต้องใช้เกียร์ต่ำ เพื่อลดอัตราเร็วของรถแทนการใช้เบรค เพราะหากใช้เบรคในทางลาดมากไป จะทำให้เบรคลื่นและจับไม่อยู่เนื่องจากมีความร้อนสูง 
28. ออกตัวของรถขึ้นทางชัน 
    ผู้ขับขี่มือใหม่มักมีปัญหาการออกตัวขึ้นเนินแล้วรถเคลื่อนที่ถอยหลัง ต้องฝึกให้มีความสามารถในการใช้คันเร่งคลัตช์และเบรคมือพร้อมกัน โดยใช้เท้าซ้ายกดแป้นคลัตช์ลง โยกคันเกียร์จากเกียร์ว่างไปยังเกียร์หนึ่ง ใช้เท้าขวากดแป้นคันเร่ง โดยกดให้มากกว่าการออกตัวบนพื้นระดับ และต้องกดอย่างสม่ำเสมอตามปริมาณชองความชัน 
29. จดรถหันหน้าขึ้นเนิน 
    หลีกเลี่ยงได้ควรหลีก แต่ถ้าจำเป็นต้องจอดให้ชิดขอบขวาทางด้านซ้ายมากที่สุด หมุนพวงมาลัยให้ล้อหันไปทางขวาป้องกันการเคลื่อนที่ถอยหลังเป็นเกียร์หนึ่งและใช้เบรคมือให้มั่นคง 
30. จอดรถหันหน้าลงเนิน 
    หมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายให้ล้อหันเข้าหาขอบทางเท้า ป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนที่เดินหน้าใส่เกียร์ถอยหลังและเบรคมือไว้ 
31. ทางโค้งนะ 
     ให้สังเกตป้ายจราจรว่า โค้งไปทางขวาหรือทางซ้าย การเข้าโค้งให้ใช้เบรคเท้าควบคุมความเร็วของรถ เลือกเกียร์ให้เหมาะสมใช้คันเร่งอย่างระมัดระวังและบังคับรถให้ชิดเส้นแบ่งถนนทางขวาไว้จนตลอดทางโค้ง 
32. ระวังหลุดโค้ง 
    ปรกติทางโค้งจะมีทั้งป้ายจราจรเตือนล่วงหน้าและมีเสาหลักปักตามระยะโค้ง แต่หากผู้ขับขี่ไม่ควบคุมความเร็วเข้าโค้งด้วยความโค้ง โค้งธรรมดาก็จะกลายเป็นโค้งหักศอกให้ได้รับอันตรายให้เห็นกันอยู่บ่อย ๆ
33. ความดันลมของยางสัมพันธ์กับพวงมาลัย 
    ยางรถยนต์จะต้องมีความดันลมในปริมาณพอเหมาะไม่มากหรือน้อยเกินไปถ้ามากไปทำให้ยากสึกหรอ ไม่ยึดถนนและลื่นไถลทางโค้งแต่หากความดันลมยางน้อยไปจะทำให้ยางร้อนจัดยางไม่เกาะถนนและสึกหรอง่าย สังเกตว่าความดันลมยางน้อยไปเมื่อพวงมาลัยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 
34. เบรคบนทางโค้งอันตราย! 
    ควรหลีกเลี่ยงการใช้เบรคบนถนนทางโค้ง เพราะจะทำให้รถยนต์เสียการทรงตัวและมีแนวโน้มลื่นไถลหลุดโค้งออกไป 
35. รถใหญ่บังรถเล็ก 
    รถใหญ่ที่วิ่งตามทางแยกอาจบังรถเล็กอีกคันที่กำลัง แซงขึ้นมา หากเราตัดสินใจเลี้ยวออกจากทางแยกแบบปัจจุบันทันด่วน โดยไม่ระวังให้ดี อาจเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ 
36. ถอยหลังทางไหนหมุนพวงมาลัยทางนั้น 
    การถอยหลังรถแรก ๆ อาจจะดูไม่ถนัด ต้องอาศัยประสบการณ์ โดยมีเคล็ดลับอยู่ว่าจะให้ส่วนท้ายของรถหันไปทางไหนก็หมุนพวงมาลัยไปทางนั้น ส่วนผู้ขับก็เอี้ยวตัวไปดูข้างหลังโดยมือถือพวงมาลัยมือหนึ่ง อีกมือพาดบนพนักพิงผู้โดยสาร 
37. ข้อห้ามของการถอยหลัง 
    อย่าใช้วิธีกลับรถโดยการถอยหลังจากถนนซอยสู่ถนนใหญ่ เมื่อไม่แน่ใจว่าปลอดภัย อย่าถอยหลังและอย่าถอยหลังเป็นระยะทางไกล ๆ โดยไม่จำเป็น 
38. ไฟเขียวให้รีบไปแน่หรือ 
    การขับรถบริเวณทางแยกที่มีไฟจราจรกำกับและเป็นไฟเขียวอยู่ ไม่ตะบี้ตะบันเหยียบคันเร่งให้ทันสัญญาณไฟ ควรสังเกตดูว่าไฟเขียวนั้นนานแค่ไหน แล้วสังเกตดูว่ารถจากถนนฝั่งหนึ่งมีแถวยาวเท่าใน และควรขับรถเว้นระยะกับรถคันหลังดูว่าหากเบรคกะทันหัน กรณีไม่ทันไฟเขียว แล้วคุณจะไม่ถูกชนท้าย 
39. รีบร้อนไปไหนยังไฟแดงอยู่เลย 
    ผู้ขับขี่หลายรายต้องเสียอกเสียใจทุกวันนี้ เพราะประสบอุบัติเหตุ เนื่องจากชอบออกรถในขณะที่สัญญาณไฟยังเป็นไฟแดงหรือเหลืองอยู่ โดยคาดเดาล่วงหน้าเกี่ยวกับการเปลี่ยนสัญญาณไฟจราจร ในขณะที่รถอีกฝั่งยังไฟแดงอาศัยลูกติดพันจากไฟเขียว ผลก็คือ ประสานงากันจังเบ้อเริ่ม เดือดร้อนกันทั่วหน้า 
40. ถูกจี้ท้ายและเตือนด้วยไฟสูงต่ำ 
    หลายคนคงเคยเจอนักเลงกลางถนน โดยขับขี่อยู่ ดี ๆก็มีรถคันอื่นมาจี้ท้ายแถมใช้ไฟสูงต่ำยิงใส่ท้ายรถ อย่าตกใจและห้ามตอบโต้เด็ดขาด เพียงแต่ค่อย ๆ เปลี่ยนช่องจราจรไปทางซ้าย เพื่อให้เกิดช่องว่างให้รถคันหลังผ่านไปได้ 
41. กระจกหน้ารถต้องสะอาดอยู่เสมอ 
    กระจกหน้ารถที่สะอาด เมื่อเวลาฝนตก ใบปัดน้ำฝนจะทำความสะอาดได้เร็วมากขึ้นมาก ควรลดอัตราเร็วลงหากอุปกรณ์ปัดน้ำฝนทำงานไม่ทันกับปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก 
42. ไม่แตะเบรคขณะรถลื่นไถล 
    กรณีรถขาดการทรงตัว เมื่อเจอสภาพถนนมีน้ำมันเกลื่อนกลาดอย่าตกใจยกเท้าออกจากคันเร่งและหมุนพวงมาลัยไปในทิศทางเดียวกับทิศทางการลื่นไถลโดยห้ามแตะเบรคโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก 
43. อย่าเพิ่งดับไฟขณะรุ่งสาง 
    การรีบดับไฟเมื่อขับรถตอนรุ่งสางไม่เป็นผลดีต้องให้แน่ใจว่าคุณสามารถมองเห็นถนนและผู้ขับขี่คันอื่นอย่างชัดเจนเสียก่อนจึงค่อยดับไฟ กรณีรถมีสีคล้ำ ดำหรือน้ำเงิน ซึ่งไม่ค่อยสะท้อนแสงต้องเปิดไฟแต่เนิ่น ๆ เมื่อเริ่มจะมืดและปิดไฟช้ากว่าคันอื่นเมื่อเวลารุ่งสาง 
44. การใช้น้ำมันหล่อลื่น 
    การเติมน้ำมันหล่อลื่นต้องรักษาปริมาณให้ถึงขีดกำหนดของรถเสมอ น้ำมันหล่อลื่นเป็นสารอันตรายต่อผิวหนัง ควรล้างมือทันทีและเก็บภาชนะบรรจุน้ำมันให้ห่างไกลจากมือเด็ก 
45. รถเสียระวังเสียงรถ 
    เมื่อรถคุณเกิดเสียกลางทางแล้วมีอาสาสมัครเสนอตัวให้ความช่วยเหลือ หากคุณไม่แน่ใจพฤติกรรมอย่าลงจากรถเด็ดขาด ให้ผู้ผ่านกระจกแล้วล็อคประตูไว้วานให้ช่วยไปโทรศัพท์หาผู้ที่คุณต้องการจะติดต่อด้วยจะดีที่สุด 
46. อุปกรณ์พยาบาลที่ควรจะมีในรถ 
    เพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉน คุณควรมีสิ่งเหล่านี้ไว้ในรถ พลาสเตอร์, ผ้าพันแผล ขวดพลาสติคใส่น้ำสะอาดไว้ กรรไกร คีม ผ้าพันแผลแบบยืดหดได้ โคมไฟฟ้า เหรียญ(สำหรับโทรศัพท์) 
47. เด็กเล็กก็ควรคาดเข็มขัด 
    อุบัติเหตุหลายครั้งเด็กเล็กต้องเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจำนวนมาก ในเมืองนอกได้ออกแบบที่นั่งเฉพาะสำหรับเด็กไว้อย่างมาตรฐาน โดยเฉพาะมีเข็มขัดนิรภัยให้เด็กคาดเข็มขัดด้วย สำหรับเมืองไทยที่ยังไม่มีที่นั่งเด็กแพร่หลาย ก็อาศัยพี่เลี้ยงหรือผู้โดยสารไปด้วยคอยดูแล อย่าปล่อยให้เด็กเป็นอิสระเด็ดขาด 
48. ทำยังไงเมื่อกระจกหน้ารถแตกละเอียด 
    อุบัติเหตุเช่นนี้เกิดขึ้นได้เมื่อรถแล่นด้วยความเร็วสูง ต้องควบคุมสติให้ได้ผ่นอคันเร่งหาที่จอดอย่าปลอดภัย หากระดาษหนังสือพิมพ์มาคลุมหน้าปัดรถและกระโปรงรถใกล้กระจกหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้เศษกระจกปลิวเข้ามา แล้วจึงหาอะไรมาค่อย ๆ ทุบกระจกที่แตกค้างออก แล้วขับรถไปหาอู่ซ่อมโดยเร็ว 
49. เบรคจม 
    อุบัติเหตุบางครั้งเกิดจากการที่อยู่ดี ๆ คันเบรคก็จมซึ่งทำให้การหยุดรถทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เป็นเช่นนี้ให้ลดความเร็วลงค่อย ๆ ปั๊มเบรคสองสามครั้งเพื่อให้ความร้อนไปไล่ฟองอากาศและความชื้นจากนั้นจึงค่อย  ๆ ขับไปด้วยควมเร็วเป็นปกติ 
50. น้ำมันท่วม 
    รถที่จอดนิ่งอยู่สตาร์ทหลายทีก็ไม่ติด แถมยังได้กลิ่นฉุนของน้ำมันแสดงว่าน้ำมันได้ท่วมคาร์บูเรเตอร์ แล้วควาคอยอย่างน้อยสิบนาที เพื่อให้น้ำมันระเหยแล้วเริ่มติดเครื่องใหม่อีกครั้ง 
51. อาการแบตเตอรี่หมด 
    อีกกรณีที่สตาร์ทเครื่องรถไม่ติด แล้วไฟหน้ารถไม่สว่างให้สันนิษฐานได้ว่าแบตเตอรี่หมดให้ชาร์จใหม่ได้ทันที หากทำไม่เป็นก็ตามช่างหรือติดต่อศูนย์ที่คุณซื้อรถก็ได้ 
52. ความร้อนสูงผิดปกติ 
    สังเกตุได้จาก เข็มชี้ระดับความร้อนที่หน้าปัดขึ้นสูงกว่าธรรมดา อย่าขับรถต่อไป เพราะจะทำให้รถได้รับความเสียหายร้ายแรงได้ ต้องหาที่ร่มจอดรถ เปิดฝากระโปรงทิ้วไว้รอจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลงในระดับปรกติจึงค่อยเดินทางต่อไป กรณีที่เกิดจากน้ำมในหม้อน้ำพร่องไป ต้องรออย่างน้อย 10 นาทีถึงจะเปิดฝาหม้อน้ำเติมน้ำได้ 
53. เบรคเสียกะทันหัน 
    เบรคที่ถูกใช้มากในบางกรณี อาจทำให้เสียหรือผ้าเบรคสึกมีผลให้รถเบรคไม่ค่อยอยู่ วิธีแก้ไขคือ ให้จอดรถชั่วคราวเพื่อให้เบรคพักการทำงานระยะหนึ่ง 
54. หัดเปลี่ยนยางไว้บ้างก็ดี 
    กรณีที่เราขับรถออกทางไกลที่เปลี่ยว ๆ ห่างจากปั๊มน้ำมันข้างทางแล้วเกิดยางรั่วยางแตก การเปลี่ยนยางอะไหล่ต้องใช้ความสามารถของตนเอง การศึกษาวิธีการเปลี่ยนจากคู่มือ และหัดลองเปลี่ยนขณะจอดรถอยู่ให้คล่อง มิฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว มีหวังคุณได้นอนหง่าวอยู่ในรถคนเดียวทั้งคืนแน่ 
55. ฟิวส์ซองบุหรี่ 
    ระบบไฟฟ้าของรถใช้ฟิวส์เป็นตัวเชื่อมไฟ หากฟิวส์เกิดขาดกะทันหัน แก้ปัญหาได้โดยใช้กระดาษตะกั่วห่อซองบุหรี่หรือกระดาษห่อช็อกโกแล็ตมาหุ้มฟิวส์นั้นแล้วนำไปใช้ต่อฟิวส์นั้นก็จะทำงานได้ชั่วคราว 
56. ยางโดนตะปูเจาะ 
    ประการแรกให้เปลี่ยนยางอะไหล่ทันที ถ้าไม่มียางอะไหล่ สำรวจยางเส้นนั้นว่ามียางในหรือไม่ ประการสำคัญไม่ควรดึงตะปูออกก่อนจะทำให้เวลาขับเคลื่อนรถ ยางจะแตก ระเบิดได้ ควรขับออกไปช้า ๆ อย่างระมัดระวังประคับประคองให้ไปถึงอู่หรือปั๊ม ทำการปะให้เรียบร้อย 
57. ตรวจสนิมรถด้วยแม่เหล็ก 
    รถปัจจุบันส่วนใหญ่ตัวถังจะฉาบด้วยยากันสนิม ซึ่งเป็นฉนวน บริเวณที่กระเทาะแล้วเกิดสนิม จะทำให้เกิดแรงดึงดูดกับแม่เหล็ก 
58. เรื่องของสีรถ 
    หากสีรถเกิดถลอกและเป็นสนิม หรือมีปัญหาอื่น ๆ เกี่ยวกับสีรถไม่ควรลงมือแก้ไขเอง เช่น เช็ด ขูด ควรนำรถเข้าอู่ ให้ช่างที่มีความชำนาญดูแล มิฉะนั้นจะทำให้เกิดรอยด่างของสีรถได้ 
59. รถติดอย่าหยุดติดรถ 
    ปัญหารถติดบ้านเราเลี่ยงกันไม่พ้น ขณะขับรถไปต่อคันที่หยุดข้างหน้าควรเว้นช่วงไว้ให้ห่างพอที่รถจะเคลื่อนตัวไปซ้ายขวาได้ เป็นการเผื่อเอาไว้หากเกิดอุบัติเหตุรถชนท้ายด้านหน้ารถจะได้ไม่ถูกอัดก๊อปปี้เสียหายทั้งรถและชีวิต 
60. ยางอะไหล่ต้องพร้อมเสมอ 
    รถเกือบทุกคันก็มักมียางอะไหล่ติดไว้เสมอ อย่าลืมที่จะตรวจสอบสภาพของยางอะไหล่บ้าง เป็นต้นว่าลมยางต้องมีความดันมาตรฐานเสมอ ไม่อ่อนจนเกินไป เพราะหากเกิดฉุกเฉินขึ้นมา ยางอะไหล่รั่วหรือแตก สถานการณ์จะเลวร้ายไปกันใหญ่ 
61. กรวยเติมน้ำมันฉุกเฉิน 
    น้ำมันแห้งสนิทกลางทาง ซื้อน้ำมันใส่แกลลอนมาแต่ดันลืมติดกรวยมาด้วย ไม่ยากเลย เพียงหาถ้วยใส่น้ำอัดลมพลาสติค ผ่าแล้วม้วนเป็นรูปกรวยมาเป็นที่เติมหรือใช้กระดาษทบกันหลาย ๆ ชั้น มาพับเป็นรูปกรวยก็ได้พอจะแก้ขัดไปครั้งหนึ่ง
62. รอยเปื้อนกระจกหน้ารถจากตัวแมลงหรือน้ำที่กระเด็นใส่ 
    แก้ไขด้วยใช้ฟองน้ำชุปเบ็คกิ้งโซดา แล้วเอาฟองน้ำสะอาดเช็ดกระจกจนแห้ง ผงเบ็คกิ้งโซดาจะไม่ทำให้กระจกเป็นรอยใช้ทำความสะอาดไฟหน้าไฟท้ายและกันชนได้ 
63. ยางรถยนต์เก่าก็มีประโยชน์ 
    ยางรถยนต์เก่าที่ไม่ใช้แล้ว นำไปผูกแขวนไว้ในโรงรถตรงที่หัวรถจะแล่นเข้าจอด ยางจะเป็นกันชนเมื่อเวลาเราถอยรถเข้าเก็บในที่จอดรถ 
64. ตรวจเบรคก่อนจะไม่ได้เบรค 
    จะรู้ว่าเบรคใช้งานได้หรือไม่ ก็ต้องออกรถเคลื่อนที่ ซึ่งอันตรายมากหากรถไปอยู่บนท้องถนน แต่มีวิธีตรวจสอบขณะรถอยู่กับที่ โดยลองเหยียบเบรคประมาณ 1 นาที เมื่อเริ่มติดเครื่องยนต์ หากแป้นเหยียบเบรคอยู่ในตำแหน่งใกล้ติดพื้น เบรคของเรามีปัญหาแน่ ๆ เข้าอู่แก้ไขก่อนจะดีที่สุด 
65. อย่าปล่อยให้โรงรถมีกลิ่นอับ 
    มีหลายบ้านที่ทำโรงเก็บรถเป็นโรงทึบ กรณีนี้หากโรงรถมีกลิ่นอับให้ใช้ถุงผ้าใส่ถ่านไม้ผูกให้แน่น นำไปแขวนไว้จะช่วยขจัดกลิ่นเหม็นได้อย่างดี 
66. เทคนิคล้างรถไม่ต้องเช็ด 
    หลังจากล้างรถแล้ว น้ำสุดท้ายที่จะล้างให้ผสมน้ำยาล้างจานลงในถังด้วย ใช้ฟองน้ำชุบถูให้ทั่วคันรถทิ้งไว้ให้แห้งเองไม่ต้องใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหมือนวิธีเก่า เท่านี้รถก็จะขึ้นเงาเอง 
67. กลิ่นเหม็นอับในรถยนต์ 
    ขจัดให้หายได้ โดยใส่เบ็คกิ้งโซดาลงในที่เขี่ยบุหรี่ของรถ 1 ช้อนโต๊ะ หลังจากทำความสะอาดแล้ว หรืออาจใช้เบ็คกิ้งโซดาเช็ดถูเบาะ พรม ให้สะอาดได้ด้วยเบ็คกิ้งโซดาจะช่วยขจัดหลิ่นไม่ดีออกได้หมด 
68. กำจัดแมลงที่ติดฝาครอบรถยนต์และตะแกรงหน้ารถ 
    ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้สเปรย์พ่นยุงพ่นที่ฝาครอบรถและตะแกรงหน้ารถตัวแมลงเล็ก ๆ ก็จะหลุดออกง่าย และไม่ทำลายความเป็นเงาของสีรถ 
69. ขจัดคราบน้ำมันบนตัวถังรถ 
    ใช้ฟองน้ำจุ่มลงในน้ำผสมเบ็คกิ้งโซดาทาตรงบริเวณที่มีคราบน้ำมันจับ คราบน้ำมันจะหลุดออกอย่างง่ายดายไม่กระทบกระเทือนสีรถด้วย 
70. ยางมะตอยติดล้อรถ 
    หากคุณเผลอไผลหรือหลบเลี่ยงไม่ได้ ต้องขับรถเข้าไปในบริเวณที่มีการซ่อมถนนอยู่และมีการราดยางมะตอยใหม่  ๆ ยางมะตอยหรือน้ำมันดิบที่เปรอะเปื้อล้อรถและตัวถัง ให้ใช้เบ็คกิ้งโซดาละลายรอยเปื้อนต่าง ๆ ก็จะออกได้ 
71. คลื่นรบกวนวิทยุ 
    เกิดขึ้นหลายกรณี เพราะรถของเราเคลื่อนที่ตลอดเวลา โอกาสที่จะจับให้คลื่นคงที่คงเป็นไปได้ยาก แต่อาจเกิดจากเสาอากาศวิทยุเป็นสนิม คงต้องหมั่นดูแลโดยใช้น้ำมันหล่อลื่นเช็ดด้วยความระมัดระวังให้ทั่ว วิทยุก็อาจมีคลื่นรบกวนน้อยลง ฟังดูชัดขึ้นก็ได้ 
72. อย่าใช้น้ำทำความสะอาดไฟรถ 
    น้ำจะทำให้เกิดความชื้นและทำให้เกิดสนิม เป็นปัญหาต่อเนื่องให้เกิดไฟช็อต จึงควรใช้เมทิลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดแทนซึ่งจะขจัดคราบสกปรกและรอยต่างๆ ได้ดีกว่าอีกด้วย 
73. บำรุงรักษาแอร์รถ 
    รถที่จอดไว้เฉย ไม่ติดเครื่องนานหลายสัปดาห์ นอกจากจะมีปัญหาที่เครื่องยนต์ แอร์ก็มีปัญหาด้วย ควรเปิดแอร์ทิ้งไว้บ้างอย่างน้อย 10 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาทำความเย็นไหลแยกออกมาจนต้องเสียค่าใช้จ่ายเติมน้ำยาใหม่ 
74. ฝาน้ำมันควรใช้แบบที่ล็อคได้ 
    เป็นการป้องกันการที่ผู้อื่นจะนำรถของคุณออกไปใช้การล็อคฝาน้ำมันจะทำให้เติมน้ำมันไม่ได้ เมื่อน้ำมันหมดถัง ขโมยไปก็ไม่มีประโยชน์ 
75. ท่อไอเสียชำรุด 
    มักเกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่อออกรถไปได้ขณะหนึ่ง แล้วท่อไอเสีสยขาดครูดไปกับท้องถนน ต้องซ่อมเดี๋ยวนั้นโดยผูกมัดด้วยลวดให้ใช้งานได้ชั่วคราวก่อน อย่าใช้เชือกผูกเด็ดขาด เพราะความร้อนจะทำให้เชือกขาดอีกครั้ง 
76. ระดับของน้ำมันเครื่อง 
    ควรเติมให้ต่ำกว่าระดับขีดของด้ามวัดเล็กน้อย  หากเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ มิฉะนั้นหากเมื่อคุณติดเครื่อง น้ำมันเครื่องอาจขยายตัวล้นออกมาได้ 
77. ป้องกันสีรถจากโรงรถ 
    สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ผู้ขับขี่ที่มีโรงรถแคบ ๆ ใหญ่กว่ารถไม่เท่าไหร่ให้มีฝีมือยังไงสักวันก็ต้องพลาดเฉี่ยวขูดสีรถถลอกทางที่ดีควรหาโฟมบาง ๆมาติดกาวข้างกำแพงรถไว้สองข้าง ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ 
78. ดินโคลนเจ้าปัญหา 
    อย่าปล่อยให้ดินโคลนติดอยู่กับรถตลอดเวลา ควรเอาใจใส่ทุก ๆ จุดแม้ใต้ท้องรถที่คิดว่าดินโคลนจะไปจับเกาะติดไว้ ต้องล้างและฉีดด้วยสายยางออกให้หมดเพราะดินโคลนจะทำให้รถเป็นสนิมได้ 
79. ขัดสีรถให้เงางามอยู่เสมอ 
    รถที่ซื้อมาใหม่ ๆ สีเงางามน่าใช้ ขับไประยะเวลาหนึ่งสารเคมีที่ใช้ล้าง และแสงแดดจะทำให้สีของรถหมองไปควรนำรถไปขัดสีตามอู่หรือศูนย์อย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง สีของรถคุณก็จะเงางามอยู่เสมอ 
80. ดอกยางมาตรฐาน 
    ดอกยางที่ดีที่ถือว่าเกาะถนนได้เยี่ยม ต้องมีขนาดอย่างน้อย 3-5 มม.หากน้อยกว่านี้ถือว่าใช้ไม่ได้และผิดกฏหมาย เพราะจะจับถนนไม่ได้มีผลให้ตอนเบรคมไม่สนิทอยู่กับที่ 
81. ถนอมยางรถให้ใช้งานได้นาน 
    ล้อรถสามารถสลับตำแหน่งกันได้ ควรเปลี่ยนตำแหน่งของมันจากข้างหน้ามาข้างหลังทุก ๆ 10,000 กม. แต่ไม่ควรสลับจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่งจะเกิดอันตรายเวลารถเคลื่อนที่เร็ว ๆ ได้ 
82. ล้างรถอาทิตย์ละครั้ง 
    ผู้ใช้รถบางคนมีปัญหากับการล้างรถ ไม่มีเวลาบ้างขี้เกียจบ้าง ควรล้างรถอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพื่อขจัดเศษดินและหินที่เกาะติดกับรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้รถอยู่บริเวณที่อยู่ในเขตอุตสากรรมหรือใกล้ชายทะเลควรล้างบ่อยครั้งขึ้น เพราะเกลือและความเค็มจากชายทะเลจะจับผิวของรถทำให้รถเสียหายเร็วขึ้น 
83. ขจัดกลิ่นรถใหม่ 
    รถใหม่ป้ายแดงคุณอาจจะรำคาญกลิ่นพลาสติกที่เหม็นรุนแรงแก้ปัญหาได้โดยใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำมาชโลมให้ทั่วภายในรถแล้วเช็ดให้สะอาด 
84. คราบสติ๊กเกอร์บนกระจก 
    รถบ้านเราชอบตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ตามกระจกหลังหากต้องการเลาะออกให้เป็นสภาพดังเดิม ใช้มีดโกนหนวดบางมารีดเลาะออก แล้วใช้สำลีชุบน้ำยาทาเล็บมาล้างคราบสติ๊กเกอร์ ครู่เดียวก็จะละลายออกหมด จากนั้นจึงใช้เมทิลแอลกอฮอล์เช็ดกระจกอีกทีแค่นี้ก็เรียบร้อย 
85. ป้องกันขนสุนัขร่วงในรถ 
    หากคุณมีความจำเป็นต้องพาสุนัขไปกับคุณด้วยการใช้เสื้อผ้าสำหรับสุนัขที่มีขายตามท้องตลาด จะแก้การใช้เสื้อผ้าสำหรับสุนัขที่มีขายตามท้องตลาด จะแก้ปัญหาไม่ให้ขนสุนัขร่วงลงรถชั่วขณะ แม้มันจะรำคาญบ้างก็อย่าไปยอมถอดให้มัน 
86. กุญแจสำรอง 
    ไม่มีใครที่ขับรถแล้วไม่เคยลืมกุญแจไว้ในรถ กุญแจสำรองจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง คุณควรนำติดตัวไว้อยู่เสมอ เมื่อเวลาคุณล็อกหรือทำกุญแจหายก็จะไม่เดือดร้อน 
87. ปล่อยให้เขาแทรกบ้างเพื่อน้ำใจ 
    การขับรถบนท้องถนน โดยเฉพาะบริเวณที่มีรถติดการขอเข้าแทรกของรถคันอื่นข้างหน้าเราจะเจอบ่อยครั้งหากเราอารมณ์เย็นสักหน่อย พยายามมองโลกในแง่ดีปล่อยให้เขาแทรกเข้าไปบ้าง ก็จะทำให้การใช้ถนนของคุณวันนั้นราบรื่น ไม่ต้องคอยฟังเสียงอาฆาตมาดร้ายจากรถคันอื่นให้เสียอารมณ์เปล่า ๆ 
88. ขจัดกลิ่นของเบาะหนัง 
    เบาะหนังในรถของคุณใช้ไปนาน ๆ อาจมีกลิ่นไม่ดีออกมาให้ผสมโซดาไบคาร์บอเนตหนึ่งช้อนโต๊ะกับน้ำ 500 มล. มาทำความสะอาดให้ทั่วจะช่วยลดกลิ่นเบาะให้ทุเลาลง 
89. หม้อน้ำรั่วกะทันหัน 
    การแก้ไขหม้อน้ำรั่วแบบชั่วคราว โดยการหาอะไรก็ได้มาอุดรอยรั่วไม่ให้น้ำรั่วซึมออกมา โดยใช้คลั่ง ดินน้ำมันหรือหมากฝรั่งที่เราเคี้ยวแล้วก็ได้ 
90. มีปัญหากับจราจร 
     การใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงไม่ให้มีปัญหากับตำรวจจราจรนั้นยากมาก เมื่อถูกเรียกให้รถคุณหยุดข้างทาง  และกำลังจะแจ้งข้อกล่าวหา คุณไม่ควรแสดงอาการต่อต้านโต้เถียงรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ควรพูดคำสุภาพควบคุมมารยาทเอาไว้ เหตุร้ายอาจกลายเป็นดีได้ 
91. ทำความสะอาดเบาะผ้ากำมะหยี่ 
    รถสมัยนี้เฟอร์นิเจอร์ข้างในใช้วัสดุหลายชนิด เบาะนั่งเป็นผ้ากำมะหยี่เวลาทำความสะอาด ต้องใช้เครื่องดูดฝุ่น ไม้กวาดหรือไม้ขนไก่ทำความสะอาดได้ไม่หมด 
92. ลบรอยขีดข่วนบนกระจกหน้ารถ 
    ใช้บราสโซขัดทองเหลืองหรือยาสีฟันทาให้ทั่วรอยขีดข่วน แล้วใช้ผ้าแห้งถูออก อาจต้องทำหลายครั้งจะดูดีขึ้น จากนั้นก็ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์เช็ดทำความสะอาดเป็นครั้งสุดท้าย ก็จะได้กระจกหน้ารถที่ดูใสแวววาว