10 ตำนาน Hacker ของโลก
Hacker คืออะไร
Hacker ก็คือ ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในระบบคอมพิวเตอร์อย่างสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครือข่าย ระบบปฏิบัติการ หรือเรื่องของทางจิตวิทยาเองก็ตาม พวกเขามีความรู้ทางด้านนี้สูงมากซะจน สามารถเข้าใจว่า มันมีช่องโหว่ตรงไหน หรือสามารถไปค้นหาช่องโหว่ได้จากตรงไหนบ้าง เมื่อก่อนภาพลักษณ์ของ Hacker จะเป็นพวกชั่วร้าย ชอบขโมยข้อมูล หรือ ทำลายให้เสียหาย แต่เดี๋ยวนี้ คำว่าHacker หมายถึง Security Professional ที่คอยใช้ความสามารถช่วยตรวจตราระบบ และแจ้งเจ้าของระบบว่ามีช่องโหว่ตรงไหนบ้าง เรียกง่ายๆว่า มีจริยธรรมในความเป็น Hacker นั่นเอง
ในต่างประเทศมีวิชาที่สอนถึงการเป็น Ethical Hacker (แฮกเกอร์แบบมีจริยธรรม) กันเลยทีเดียว ซึ่งแฮกเกอร์แบบนี้เรียกอีกอย่างว่า White-Hat Hacker ก็ได้เปรียบให้เห็นภาพก็เหมือนกล้องวงจรปิดที่อยู่ในหอพักนั่นแหละครับ บางทีก็รู้สึกว่ามันจะสอดส่องอะไรเรานักหนา แต่ว่าที่ทำทั้งหมดนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของเราเองนั่นแหละ แล้วพวกที่นิสัยไม่ดีล่ะจะเรียกว่าอะไรพวกนี้เรียกว่า Cracker (Black-Hat Hacker)เป็นพวกที่มีความสามารถเหมือน Hacker ทุกประการ แต่ขาดเรื่องจริยธรรมไปอย่างเดียว(ที่จริงเปลี่ยนแค่ชื่อนั่นแหละ) คนพวกนี้มีความสามารถสูงแต่มีความรู้สึกชอบเอาชนะสูงตามไปด้วย จึงชอบที่จะทำชื่อเสียงโด่งดังด้วยการไป ?Hack โน่นนี่ แล้วสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน มักประกาศชื่อตนเองทิ้งท้ายไว้ด้วย (เป็นพวกขาดความอบอุ่น) ยกตัวอย่างง่ายๆเหมือนพวกขี้เมากินเหลานั่นแหละครับ บางทีก็ตั้งใจกินเหล้าเสียดังเพื่อกวนประสาทคน แต่บางที่ก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่ที่ทำไปเพราะกูมาววล้วนๆ ไม่ว่ายังมันก็ยังทำคนอื่นเดือดร้อนอยู่ดี หรือจะเอาให้ชัดกว่านี้ก็พวกชอบเขียนกำแพงด่าพ่อกันนั่นแหละครับ
แต่ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า Black-Hat ทั้งหลายที่มีอยู่นั้นเก่งฉกาจช่างหัวใส คิดค้นวิธี Hack ระดับมหาพระกาฬพิสดารกว่าคัมถีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นออกมาทำให้วงการ Security ต้องตื่นตัวตามไปด้วย แต่ก็ยังมีอีกพวกนึงที่ก่อความน่ารำคาญได้มากกว่า นั่นก็คือพวก Script-Kiddies ครับ Script-Kiddies แปลตรงๆตัวก็คือ พวกที่ดีแต่แต่ใช้อาวุธ รักสบายอยากเจาะระบบแต่ไม่อยากศึกษาระบบ ใช้เครื่องมือต่างๆในการเจาะระบบ เอาสะดวกเข้าว่า แล้วก็เรียกตัวเองว่าเป็น hacker แต่ที่จริงเป็นแค่หนอนแมลงชั้นต่ำของวงการที่ทำให้วงการ Hacker เสียชื่อเสียงอยู่ทุกวันนี้ คนพวกนี้จะมีความรู้แค่ขี้ฟันเห็บ แต่ไปโหลดโปรแกรมที่พวก Hacker เค้าใช้งานกัน มาใช้เองบ้าง ซึ่งแย่หน่อยที่ในวงการ Hacker มีพวกนี้อยู่กว่า 95% เลยทีเดียว เปรียบได้กับพวกตัวประกอบอดทนในหนังที่มีบทแค่วิ่งผ่านกล้องไปวันๆ แบบเช่น วิ่งมา อ้ากก!!!!!!!!แล้วก็ตาย รับเงินปายย
ตำนาน Black-hat Hacker ระดับโลก
วงการคอมพิวเตอร์อยู่คู่โลกนี้มาประมาณ 50 กว่าปีแล้ว มาลองดูกันว่า Hacker
ระดับโลกเค้าเป็นใครกันบ้างและเดี๋ยวนี้เค้าเป็นยังไงกันสุขสบายขนาดไหน ตายโหงตายห่านไปหมดรึยัง
Jonathan James
ตอนที่หมอนี่โดนจับ ทั่วทั้งอเมริกาแตกตื่น เพราะหมอนี่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น Jonathan James
หรือชื่อรหัสในโลก Hacker ก็คือ c0mrade ได้สร้างชื่อด้วยการเจาะระบบมากมาย
ตั้งแต่บริษัทโทรศัพท์ BellSouth ไปจนถึงหน่วยงาน DTRA ในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี 1999 หมอนี่ Hack เข้าไปฝังตัว Backdoor ใน Nasa
ซึ่งทำให้อ่านข้อมูลลับได้มากมายรวมไปถึงขโมยโปรแกรมที่ทาง Nasa พัฒนาขึ้นด้วยเงินมหาศาลถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์สหรัฐไปหน้าตาเฉย
ซึ่งในภายหลังทาง Nasa ต้องปิดระบบถึงสามสัปดาห์เพื่อแก้ไข ทำให้สูญเสียเงินไปอีก 41,000 $ ปล. หมอนี่บอกกับศาลว่า
เค้าอยากได้โปรแกรมมาเพื่อฝึกฝีมือภาษา C ของตัวเองเท่านั้น แต่พอขโมยมาได้ ก็กลับถามว่าโปรแกรมห่วยๆนั่นมีค่าถึง 1.7 ล้านดอลล่าร์เลยเชียวหรือ
Adrian Lamo
อีตานี่ก็เป็นอีกหนึ่ง Hacker ที่แสบไม่แพ้กัน ซึ่งคนที่โดน Adrian Lamo เจาะเข้าไป ก็มีตั้งแต่
หนังสือพิมพ์ The New York Times , Microsoft , Yahoo , Bank of America , CitiGroup และ Cingular
ซึ่งที่ๆสร้างชื่อเสียงที่สุดให้เขาก็คือ การที่เขาเจาะเข้าไปใน The New York Times และเอาชื่อตัวเองเข้าไปใส่ไว้ใน
แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระดับสูงของหนังสือพิมพ์ The New York Times และใช้บัญชีของนักเขียนชื่อดัง LexisNexis
ในการค้นคว้างานวิจัยจากฐานข้อมูลของ The New York Times อีกด้วย หลังจากที่ใช้กรรม ไปมากมาย ตอนนี้ Adrian Lamo
ทำงานเป็นนักข่าว และนักพูด เกี่ยวกับวงการ Hacker และพึ่งจะได้รับรางวัลนักข่าวยอดเยี่ยมมาไม่นานนี้เอง
Kevin Mitnick
นี่คือชายที่ครั้งหนึ่ง กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐเคยหมายหัวไว้ว่า “อาชญากรทางคอมพิวเตอร์ที่ทางสหรัฐต้องการตัวมากที่สุด”
เพราะเขาคือคนแรกที่ทำให้คำว่า Hacker โด่งดังไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ผลงานของ Mitnick อาจจะเก่าไปซักหน่อย
เพราะพี่ท่านเล่น Hack มาตั้งแต่ช่วงปี 70’ กับผลงานการเจาะระบบ Punch Card ของ Los Angeles Bus System
ทำให้เขาสามารถขึ้นรถเมล์ได้ฟรีตั้งกะอายุ 12. เข้าไปป่วนระบบโทรศัพท์ทำให้โทรทางไกลได้ฟรีๆ
จากนั้นก็ ขโมยข้อมูลของบริษัทคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง DEC (Digital Equipment Corporation)
ตามด้วยหน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ โอ๊ย อีตานี่แสบๆๆ หลังจากที่ไปรับกรรมในคุกอยู่สองปีครึ่ง
ตอนนี้เค้าก็กลายเป็น Hacker ที่หลายๆบริษัทขอความช่วยเหลือในการตรวจสอบระบบครับ
(และสำคัญมากเป็นเพราะอีตานี่เองที่ทำให้โลกเราได้รู้จัก White-Hat สาดเลือดเอเชียที่เก่งกาจ)
Kevin Poulsen
มีชื่อเรียกสวยเก๋ในวงการแฮกเกอร์ว่า Dark Dante, ผลงานเด่นๆของ Kevin Poulsen ก็คือการที่เค้าเจาะระบบโทรศัพท์ของสถานีวิทยุ KIIS-FM ใน LA
ทำให้เค้าได้รางวัลรถ Porsche มาครอง และที่เด่นๆ ก็คือ อีตานี่แหย่หนวดเสือไป เจาะระบบฐานข้อมูลของ FBI ครับ
และที่สำคัญก็คือ ระบบดักฟังของ FBI ครับ หลังจากที่ Kevin Poulsen โดนซิวไป 5 ปี ตอนนี้เค้าก็กลายเป็น
นักข่าวอาวุโสของสำนักข่าว Wired News และคอยช่วยเหลือในการไล่จับพวก BlackHat คนอื่นๆอีกมากมาย
Robert Tappan Morris
เค้าคือลูกชายของอดีตเจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์ของ NSA (National Security Agency) แท้ๆแต่ดันใช้ความรู้ในทางที่ผิดก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้านไปทั่ว
เพราะหมอนี่แหละครับคือคนแรกที่สร้าง Worm ขึ้นมา และทำให้ระบบเครือข่ายพังทลายไปหลายวันเลยทีเดียว ขณะที่ Morris กำลังเรียนอยู่ที่ Cornell
เค้าอยากรู้ว่าอินเทอร์เน็ตมันใหญ่ขนาดไหน เค้าก็เลยสร้างโปรแกรมที่มันจะเจาะไปได้เรื่อยๆ ไปๆมาๆ
นั่นกลายเป็นเวิร์มตัวแรกของโลกที่ชื่อว่า MorrisWorm หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์กว่า 6,000เครื่องทั่วโลกก็เจ๊งยับ
เพราะเวิร์มของหมอนี่ พอโดนจับ Morris ก็โดนลงโทษจำคุก 3 ปีและโดนค่าปรับ 10,500 เหรียญ
และ ทำงานช่วยเหลือสังคมอีก 400 ชม.(ลงโทษขนาดนี้ แรงไปไหมพี่ เบากว่านี้ได้อีกนะ )
และหลังจากที่รับกรรมไปแล้ว ตอนนี้ Robert Morris ก็เป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่ MIT ครับ
และมาต่อกันด้วย ตำนานฝั่งสีขาว White-Hat Hacker
Stephen Wozniak
พูดถึง Apple Computer ใครๆก็อาจจะนึกถึง Steve Jobs ชายหนุ่มหัวแอบล้านซึ่งหลายๆคนรอคอย KeyNote ของเค้าในงาน MacWorld Conference ทุกปี
แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วถ้า Apple Computer ขาดเค้าคนนี้ไปล่ะก็ มันจะไม่มีวันนี้แน่นอน เพราะ Steve Wozniak คือผู้่ร่วมก่อตั้ง Apple Computer ครับ
การเป็น Hacker ช่วงแรกของเค้าอยู่ที่ เค้าได้ไปอ่านบทความเรื่องการเจาะระบบโทรศัพท์ในหนังสือ Esquire เข้า
หลังจากที่คุยกับ Steve Jobs พวกเขาก็ได้คิดค้น BlueBox เครื่องเจาะระบบโทรศัพท์ที่ทำให้คุณสามารถ โทรทางไกลได้ฟรีๆ (เอาเข้าไป)
มีครั้งหนึ่ง Steve Wozniak ได้แอบใช้เครื่อง BlueBox โทรหาพระสันตปาปา โดยปลอมตัวว่าเป็น Henry Kissinger รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐในตอนนั้น
แสบจริงๆ สำหรับช่วงแรกของการก่อตั้ง Apple Computer. Wozniak ได้ขายเครื่องคิดเลขแสนแพงของเขา
และ Jobs ได้ขายรถแวนของเขา เพื่อเป็นทุนในการก่อตั้ง Apple Computer ครับ และสุดทเครื่อง Apple I ก็วางตลาด และทั้งคู่ได้ขายเครื่องนี้ในราคาเครื่องละ 666.66$ (เลขซาตานชัดๆ)
Tim Berners-Lee
ต้องขอบอกว่า ถ้าไม่มีอีตานี่โลกเราจะไม่มีคำว่า World Wide Web ครับ เพราะเค้าคนนี้คือ คนที่ คิดค้น www ขึ้นบนโลก.
Tim Berners-Lee เป็นลูกของสองนักคณิตศาสตร์ระดับโลก Convey และ ?Mary Berners-Lee ซึ่งเป็นทีมสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ Manchester Mark 1
เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆของโลก ในปี 2532 Tim Berners-Lee ทำงานเป็น FreeLance อยู่ที่ CERN (ศูนย์วิจัยเรื่องนิวเคลียร์ของยุโรป)
ซึ่งเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปเขาได้คิดค้นระบบข้อความหลายมิติ (Hypertext) ขึ้นมา ซึ่งเมื่อมันผนวกเข้ากับ TCP และ DNS ล่ะก็
มันจะเป็นความสุดยอดของ HyperText แน่นอน และหลังจากนั้นมันจึงกลายเป็น ?World Wide Web ครับ เมื่อปี 2548 เขาได้รับรางวัล 1 ในร้อยบุคคลที่ทรงอิทธิพลต่อคนทั้งโลกมากที่สุด
และในปี 2550 Tim Berners-Lee ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฝ่ายหน้า จากสมเด็จพระบรมราชินีเอลิซาเบทที่สอง เป็นการส่วนพระองค์
ทำให้ตอนนี้เค้ากลายเป็น Sir Tim Berners-Lee ไปแล้วครับ ผลงานการ Hack ของ Tim Berners-Lee ไม่เป็นที่ปรากฏ
แต่ว่า เรื่องนี้ก็ทำให้เค้าโดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย Oxford ล่ะครับ ปล. เว็บไซต์แรกของโลกคือ http://info.cern.ch สร้างขึ้นโดย Tim Berners-Lee นี่แหละครับ
Linus Torvalds
บิดาผู้ให้กำเนิด Linux ระบบปฏิบัติการ Unix ที่คนนิยมกันมากที่สุดในโลกขณะนี้ ในปี 1991 ขณะที่เขายังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เฮลซิงกิ
เขาได้สร้าง linux kernel ขึ้นจากพื้นฐานของระบบปฏิบัติการ Minix ขึ้น หลังจากนั้น เขาก็รวบรวมสมัครพรรคพวกมาช่วยกันเขียน
และช่วยกันพัฒนาต่อกันทางอินเทอร์เน็ต โดยที่เขาเป็นคนรวบรวม ตรวจสอบ และแจกจ่ายงานไปยังโปรแกรมเมอร์ต่างๆทั่วโลก
รวมถึงแจกจ่ายให้คนช่วยกันเอาไปใช้ฟรีๆอีกด้วย จุดที่น่าสนใจของโครงการนี้ก็คือ ทุกคนที่มาร่วมทำนั้น
ทุกคนยินดีช่วยโดยไม่ได้ค่าตอบแทนแต่อย่างใด และมีเงื่อนไขต่อด้วยอีกว่า เมื่องานเสร็จแล้วจะต้องเผยแพร่ตัว Source Code แก่สาธารณะโดยไม่คิดมูลค่าเช่นเดียวกันครับ
ทุกวันนี้ Linux Torvalds ทำงานอยู่ที่บริษัท Transmeta บริษัทที่ทำหน้าที่ออกแบบ CPU
และยังคงดำรงตำแหน่ง ผู้นำของบรรดาผู้ใช้งานและพัฒนา Linux ทั้งโลกครับ ยิ่งไปกว่านั้น
หนังสือ Times Magazine ได้ยกให้เค้าเป็น หนึ่งคนในหนังสือชื่อ 60 Years of Hero สุดยอดดดดดดด
Richard Stallman
ผู้ริเริ่มโครงการ GNU (อ่านว่า กนู นะครับ) และมูลนิธิซอฟท์แวร์เสรี รวมไปถึงผู้ริเริ่มแนวคิดเรื่อง Copyleft (ฮ่า)
และเป็นผู้ร่างสัญญาอนุญาติให้ใช้ได้ทั่วไป และต่อในภายหลัง สัญญานี้ได้กลายเป็น บรรทัดฐานซอฟท์แวร์เสรีจำนวนมาก
ความเป็นแฮกเกอร์ของเค้าโผล่มาตอนที่เค้าทำงานอยู่ที่ MIT ในฐานะของ Staff Computer ทุกครั้งที่มีระบบอะไรใหม่ๆติดตั้งเข้าไปและมีรหัสผ่านกำกับอยู่
Richard Stallman จะหาทางแฮกและปลดรหัสผ่านออกทุกครั้ง ยังครับยังไม่พอ พอแฮกระบบเสร็จก็แฮก Printer ต่อ
เพื่อพิมพ์ข้อความบอกชาวบ้านว่าระบบไหนอยู่ที่ไหน ปลดรหัสผ่านอะไรไปแล้วบ้าง แสบจริงๆ
Tsutomu Shimomura
สุดยอด White-Hat สายเลือดเอเชีย Tsutomu Shimomura ได้รับชื่อเสียงอย่างโด่งดัง ในฐานะที่ร่วมมือกับ John Markoff
ในการช่วยเหลือ FBI ไล่จับสุดยอดแฮกเกอร์ของโลกในยุคนั้น นั่นก็คือ Kevin Mitnick นั่นเอง
Tsutumu ทำงานเป็นนักวิจัยอยู่ที่ SDSC (San Diego Supercomputer Center)
ซึ่งจริงๆแล้วก็โดนอีตา Kevin เข้ามาแฮกเอาโปรแกรมและเมล์สำคัญๆไป ดังนั้นด้วยคาวมแค้นเขาจึงร่วมมือกับ FBI
ไล่จับ Kevin Mitnick ซึ่งต่อมาเมื่อเขาจับได้ เขาก็เลยเขียนหนังสือชื่อ Takedown เป็นเรื่องราวของการไล่จับ Kevin Mitnick
ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง TakeDown ด้วย
Credit : NKC Loeicity FC >>> TSS
วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555
วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555
ย้าย My Documents ง่าย ๆ ลง Windows ใหม่ไม่ต้องกลัวงานหาย
ย้าย My Documents ง่าย ๆ
ลง Windows ใหม่ไม่ต้องกลัวงานหาย
สำหรับ Win 7 (WinXP โปรดรอ ยังขี้เกียจทำอยู่)
1. ไปที่ Drive C >>> Users >>> ชื่อคอมพิวเตอร์ที่คุณตั้ง ๆ กันไว้
ก็จะได้หน้าต่างแบบนี้นะครับ
2. คลิ๊กขวาที่ไอคอน My Documents เลยครับ
3.เลือก Properties ครับ
4.1 เลือกแท็บให้เป็น Location ก่อน
4.2 พิมพ์ตำแหน่งที่ต้องการจะเก็บไฟล์ไว้ได้เลยครับ สำหรับผมเลือกที่เก็บไว้ Drive D: ก็พิมพ์ว่า D:\Documents ครับ
4.3 กด OK ได้เลยครับผม จากนั้นรอซักครู่นะครับ คอมพิวเตอร์กำลังย้ายไฟล์ของเราไปไว้ตำแหน่งใหม่
กด +1 ด้านล่างให้ด้วยนะครับบบบบบบ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)